หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บรูซ ลี ไอ้มังกรอมตะ


                      แม้บุรุษหนุ่มผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ทางด้านศิลปะการต่อสู้ผู้นี้ จะอำลาโลกไปเป็นเวลากว่า 30 ปี แต่ชื่อ ภาพถ่าย รวมทั้งผลงานของเขายังคงความเป็นอมตะจวบจนทุกวันนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมังกรหนุ่มผู้ผงาดอย่างเต็มภาคภูมิในวงการฮอลลีวู้ดเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา
"บรูซ ลี" เป็นหนึ่งในชาวเอเชียไม่กี่คนในยุคนั้นที่สามารถผงาดขึ้นยืนเทียบชั้นกับดาราชั้นนำของฮอลลีวู้ด ชื่อของเขารวมทั้งท่วงท่าและลีลาการต่อสู้ที่สวยงามยังคงตราตรึงอยู่ในใจผู้ชม แม้ว่าวันนี้จะมีมังกรหนุ่ม อีกหนึ่ง อย่าง เฉินหลง หรือ แจ๊กกี้ ชาง แต่เขาก็เป็นได้แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของบรูซเท่านั้น
27 พฤศจิกายน 2483 ลี จุน ฟาน หรือที่ทุกคนรู้จักในนาม บรูซ ลี ถือกำเนิดขึ้นมาบนแผ่นดินที่ห่างไกลจากบ้านเกิดหลายหมื่นไมล์กลางเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เขาไม่เพียงเกิดในปีมะโรงซึ่งถือเป็นปีมังกรตามความเชื่อของชาวจีนเท่านั้น แต่เขายังเกิดในช่วงเวลาของมังกรระหว่าง 06.00-08.00 น. ของเช้าวันนั้นด้วย

             นั่นอาจเป็นตัวแปรสำคัญของชีวิตมังกรหนุ่มผู้นี้ที่ไม่เจริญรอยตามผู้เป็นพ่อด้วยการเป็นนักร้อง โอเปร่า พ่อของบรูซเป็นชาวจีนเต็มตัว ขณะที่แม่ของเขานั้นเป็นลูกครึ่งระหว่างจีนกับเยอรมัน
เส้นทางนักต่อสู้ของบรูซเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก เขามีความสนใจใคร่รู้และหลงใหลในศิลปะป้องกันตัว และมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในด้านการต่อสู้ให้ได้
เด็กชายบรูซมีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นทางบนแผ่นฟิล์มตั้งแต่เด็ก เขากลายเป็นดาราเด็กส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งตะวันออก ผลงานเรื่องแรกของเขาถูกเรียกว่าต้นกำเนิดแห่งวีรบุรุษ
ปี ค.ศ. 1959 ชายหนุ่มร่างเล็กผอมเกร็งวัย 18 ปี เดินทางจากฮ่องกงหวนกลับมายังอเมริกาอีกครั้ง พร้อมประกาศตัวว่าเขาจะต้องเป็นอย่าง จอนห์น เวย์น และเจมส์ ดีน ให้ได้ เขาเข้าเรียนในสาขาวิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และทำงานพิเศษด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟและเริ่มต้นสอนศิลปะการป้องกันตัวให้กับคนที่มาว่าจ้างไปพร้อม ๆ กัน ชื่อเสียงของบรูซเริ่มโด่งดังจนถึงขนาดที่ว่าโรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัวของญี่ปุ่นในซีแอตเทิล ต้องขอมาทดสอบฝีมือด้วย บรูซพบกับลินดา ลี แคดเวลล์ ศรีภรรยาที่แต่งงานอยู่กินกันขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และโรงเรียนของเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ เขามีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทภาพยนตร์ของฮอลลีวู๊ดอย่าง มาร์โลวเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่นั่นกลับทำให้ดาราดังอย่างเจมส์ โคเบิร์น และสตีฟ แม็คควีน อ้อนวอนขอให้บรูซช่วยรับเป็นศิษย์ เส้นทางชีวิตของบรูซในฮอลลีวู้ดดูเหมือนกำลังจะไปได้ดี เขาได้มีส่วนร่วมในการสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดถึง 5 เรื่องนับตั้งแต่ FIST OF FURY ภาพยนตร์ที่มาถ่ายทำและมีเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับเมืองไทย เรื่องนี้บรูซมีโอกาสได้โชว์ลีลาการเตะที่พลิ้วไหวเป็นครั้งแรก ตามมาด้วยเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างบรูซกับโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นใน THE CHINESE CONNECTION

           ปีต่อมาบรูซมีโอกาสได้รับบทเด่นในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดเป็นเรื่องแรกใน ENTER THE DRA- GON แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย บรูซป่วยด้วยโรคเส้นเลือดโป่งในสมอง ก่อนจะเสียชีวิตลงด้วยผลจากปฏิกิริยาต่อแอสไพริน ขณะที่มีอายุได้เพียง 32 ปีเท่านั้น
แม้บรูซจะจากไปแล้วแต่ผลงานของเขาในลำดับต่อมาอย่างเรื่อง RETURN OF THE DRAGON ที่ร่วมแสดงกับชัค นอริส ก็ยังคงออกฉาย เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย GAME OF DEATH ที่บรูซได้มีโอกาสเข้าฉากไว้ไม่กี่ฉากก็ได้รับการสานต่อจนสามารถ ออกฉายได้ในที่สุด นอกจากผลงานในด้านภาพยนตร์ที่บรูซเหลือไว้ให้ผู้ที่ชื่นชอบแล้ว เขายังได้คิดค้นรูปแบบการต่อสู้ที่เรียกว่า Jeet Kune Do (จีทคูนโด) หรือวิถีแห่งกำปั้นสกัด เขียนเป็นตำราเหลือไว้ให้นักต่อสู้รุ่นหลัง ๆ ได้ศึกษาด้วย
                  จีทคูนโดเป็นหลักการต่อสู้มือเปล่าที่บรูซคิดค้นขึ้นเพื่อการต่อสู้อย่างแท้จริงไม่ใช่เพื่อการกีฬา เขาได้นำเอาเทคนิคและข้อดีของศิลปะการต่อสู้ถึง 26 ชนิด อาทิ กังฟู มวยปล้ำ มวยไทย มวยสากล คาราเต้ ยิวยิตสู ฯลฯ ไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยมีท่วงทำนองที่ลื่นไหลและยืดหยุ่นมากขึ้น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก  เดลินิวส์
 เเละ http://nu20003.9.forumer.com/a/quot-quot_post64.html